31 ตุลาคม 2565
ระยะเวลาการอ่าน : 8 นาที

สำหรับเพื่อน ๆ ที่เลี้ยงน้องหมานั้นจะทราบเป็นอย่างดีว่าอาหารเป็นส่วนสำคัญในการดำรงชีวิตและส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพของเขา ดังนั้นการเลือกซื้ออาหารจึงจำเป็นต้องพิจารณาจากหลายสิ่งหลายอย่าง โดยเฉพาะการอ่านฉลากโภชนาการที่อยู่บนบรรจุภัณฑ์ที่จะช่วยให้เราเลือกซื้ออาหารที่มีคุณภาพและเหมาะสมกับน้องหมาที่บ้านได้อย่างง่ายดาย
วันนี้หมอนีทจะมาแบ่งปันวิธีการอ่านฉลากอย่างง่ายให้เพื่อน ๆ นำไปใช้ตัดสินใจเลือกซื้ออาหารได้อย่างมั่นใจกันค่ะ

1. แหล่งที่ตั้งที่ผลิตอาหาร
เหตุผลที่ต้องทราบแหล่งผลิตก่อนเป็นอันดับแรกเพราะหากมีข้อสงสัยในตัวผลิตภัณฑ์ เพื่อน ๆ สามารถโทรไปสอบถามได้ทันที
2. ส่วนผสมในอาหาร และสารอาหาร
อาหารน้องหมาที่ดีควรเขียนบอกว่าใส่วัตถุดิบอะไรเป็นส่วนประกอบบ้าง โดยรายการของส่วนผสมจะเรียงลำดับจากมากไปน้อย ดังนั้นหมอนีทชวนให้เพื่อน ๆ อ่านทั้งหมดอย่างละเอียด เพื่อดูว่ามีส่วนผสมที่ทำให้เกิดอาการแพ้กับน้องหมาของเราไหม โดยมาตรฐานแล้วส่วนผสมหลักในอาหารควรเป็นเนื้อสัตว์จริง ๆ ไม่ใช่ผลพลอยได้จากสัตว์ (by product) เช่น กระดูกป่น ปีกไก่ป่น เป็นต้น
นอกจากนี้เรื่องสารอาหารก็สำคัญ เพราะสารอาหารมีส่วนช่วยในการเจริญเติบโตและส่งเสริมให้น้องหมามีสุขภาพแข็งแรงได้ โดยจะบอกเป็นปริมาณที่ต่ำสุดหรือสูงสุดของสารอาหาร เช่น โปรตีน ไขมัน กากใย และความชื้น ซึ่งปกติแล้วค่าโปรตีนและไขมันจะบอกเป็นค่าไม่น้อยกว่า (Min.) เพราะว่าตามมาตรฐานการผลิตอาหารจะต้องผ่าน minimum requirement เพื่อให้น้องหมานำสารอาหารที่ได้ไปใช้เพื่อการเจริญเติบโตให้เหมาะสมกับช่วงวัยและการใช้พลังงาน ส่วนค่ากากใยและความชื้นจะบอกเป็นค่าไม่มากกว่า (Max.) เพราะว่า ถ้ามีค่ากากใยมากเกินไปจะมีผลกับระบบทางเดินอาหาร อาจทำให้น้องหมาท้องเสียได้ และกำหนดค่าความชื้นให้ไม่เกินตามมาตรฐาน เพื่อควบคุมในเรื่องของอายุของอาหาร หรือ Shelf life
3. เลขทะเบียนอาหารสัตว์
เลขทะเบียนอาหารสัตว์ คือ สิ่งที่บ่งบอกว่าอาหารนั้นผ่านการตรวจสอบและได้รับการรับรองอย่างถูกต้องจากกรมปศุสัตว์แล้ว
เปรียบเสมือนการรองรับว่าสามารถนำมาเป็นอาหารหรือขนมให้สัตว์ได้ โดยการรองรับหรือนุญาตนี้จะแตกต่างกันไปตามแต่ละประเทศ
4. มาตรฐาน AAFCO หรือ FEDIAF
อาหารที่มีสารอาหารครบถ้วนและสมดุลย์จะผ่านเกณฑ์มาตรฐานนี้
ปกติแล้วอาหารจะต้องมีมาตรฐานรับรอง ในขณะที่ขนมไม่จำเป็นจะต้องมีการรองรับให้ตรงตามมาตรฐานของ AAFCO หรือ FEDIAF แต่จำเป็นจะต้องมีเลขทะเบียนอาหารสัตว์อยู่
หน่วยงาน AAFCO และ FEDIAF นั้น เป็นองค์กรที่กำหนดค่าสารอาหาร เพื่อให้น้องหมาได้สารอาหารที่ถูกหลักโภชนาการตามเกณฑ์ เหมาะสมกับช่วงวัยแต่ไม่ได้เป็นองค์กรที่ให้การรับรองมาตรฐานกับสินค้านั้น ๆ
5. วันหมดอายุ
แนะนำว่าให้ดูวันหมดอายุของอาหารทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัยของน้องหมา เพราะการที่น้องหมากินอาหารที่หมดอายุเข้าไป อาจทำให้มีอาการท้องเสีย อาเจียน หรือติดเชื้อแบคทีเรียได้
6. ปริมาณอาหารที่แนะนำต่อวัน
ปริมาณอาหารที่แนะนำต่อวันควรคิดตามน้ำหนักตัวของน้องหมา เพื่อให้มั่นใจว่าน้องหมาได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน ไม่ขาด หรือ ได้รับมากจนเกินไป

ปริมาณสารอาหารของอาหาร
สำหรับเพื่อน ๆ ที่เลือกซื้ออาหารให้น้องหมาที่อาจจะมีปัญหาเรื่องไต ไม่อยากให้อาหารที่มีโปรตีนสูงเกินไป น้องหมาที่เป็นโรคตับ ต้องการไขมันต่ำ หรือแม้แต่น้องหมาที่ไม่ได้มีปัญหา แต่เพื่อน ๆ อยากดูค่าโภชนาการสารอาหารว่ามีปริมาณเท่าไหร่บ้าง อาจจะเกิดการเข้าใจผิดในการอ่านเทียบสารอาหารที่ฉลากของอาหารเม็ด และอาหารเปียกได้ เพราะด้วยความชื้นที่ต่างกันของอาหารทั้งสองแบบ ทำให้เพื่อน ๆ ไม่สามารถเทียบสารอาหารตามฉลากกันได้โดยตรง ซึ่งค่าที่นำมาเปรียบเทียบกันจะเป็นค่าที่เอาความชื้นออก เพื่อที่ทำให้เรารู้ถึงปริมาณอาหารแห้งจริง ๆ ซึ่งเป็นการเทียบกันในหน่วยวัตถุแห้ง หรือ as dry matter
**เพื่อความสนุกและความเข้าใจที่มากขึ้น หมอนีทแนะนำให้เพื่อน ๆ ลองหยิบซองอาหาร หรือหารูปจากอินเทอร์เน็ต ทั้งแบบเม็ดและแบบเปียก มาคำนวณเล่น ๆ พร้อมกันดูนะคะ ☺
ขั้นตอนการเทียบวัตถุแห้ง
ตามปกติแล้วค่าสารอาหารที่ระบุที่ฉลากนั้นจะเป็นค่าในหน่วยน้ำหนักรวม หรือ as fed ดังนั้นขั้นตอนแรกของการที่เราจะเปรียบเทียบปริมาณต่าง ๆ ในหน่วยวัตถุแห้ง หรือ as dry matter เราจำเป็นต้องหาวัตถุแห้งในอาหารก่อนว่ามีปริมาณเท่าไหร่
สมการที่เราใช้ในการคำนวนสารอาหารในหน่วยวัตถุแห้ง (as dry matter) คือ
(% สารอาหาร (as fed) ÷ % as dry matter) x 100 = % สารอาหาร (as dry matter)
ตัวอย่างที่ 1
มาดูกันที่อาหารเปียก 100 กรัม
- ฉลากระบุว่าในอาหารเปียก 1 กระป๋อง หนัก 100 กรัม มีความชื้นที่ 75%
- หมายความว่าอาหารกระป๋องนี้มีวัตถุแห้ง 25%
- อนุมานได้ว่า 25% ของวัตถุแห้ง 100 กรัม คือ 25 กรัม as dry matter
- ฉลากระบุว่าในอาหารเปียก 1 กระป๋อง หนัก 100 กรัม มีโปรตีน 12% ดังนั้นมีโปรตีน 12 กรัม ใน 1 กระป๋อง
- ถ้าเราเอาความชื้นออกเพื่อทำให้เป็น dry matter จะได้คำนวนดังสมการ คือ (12÷25) x 100 = 48%
ตัวอย่างที่ 2
อาหาร | โปรตีน (As fed) | ความชื้น | Dry matter หลังหักความชื้น |
A (อาหารเม็ด) | 23% | 9% | 91% |
B (อาหารเปียก) | 12% | 84% | 16% |
ถ้าอ่านเผิน ๆ ที่ฉลากแล้ว เพื่อน ๆ จะเห็นว่าค่าโปรตีนของอาหารเม็ดมากกว่าอาหารเปียก แต่ในความเป็นจริงแล้ว ถ้าเราลองมาคำนวนเทียบในหน่วยของ as dry matter จะได้ดังนี้ คือ
อาหารเม็ดยี่ห้อ A: (23÷91) x 100 = 25% as dry matter
อาหารเปียกยี่ห้อ B: (12÷16) x 100 = 75% as dry matter
อาหาร | โปรตีน (As fed) | โปรตีน (As dry matter) |
A (อาหารเม็ด) | 23% | 25% |
B (อาหารเปียก) | 12% | 75% |
เพื่อน ๆ จะเห็นว่าค่าโปรตีนกลับพลิกมาในทางที่เราไม่คาดคิดทันที กลายเป็นว่าในอาหารเปียก มีโปรตีนมากกว่าอาหารเม็ด ซึ่งแค่เคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านี้ก็สามารถทำให้เพื่อน ๆ เลือกซื้ออาหารในน้องหมาได้ตรงตามความต้องการแล้วค่ะ

สำหรับเพื่อน ๆ ที่ต้องการเสริมความมั่นใจในการคำนวณ หมอนีทมีตัวอย่างมาให้เพื่อน ๆ ลองทำดูกันนะคะ
อาหาร | โปรตีน (As fed) | ไขมัน (As fed) | กาก (As fed) | ความชื้น |
A | 12% | 1% | 1% | 86% |
B | 10% | 6% | 1% | 82% |
C | 23% | 12% | 5% | 9% |
- โปรตีน as dry matter ในอาหารยี่ห้อใด มีมากสุด
- ไขมัน as dry matter ในอาหารยี่ห้อใด มีน้อยสุด
เฉลย
เพื่อน ๆ สามารถคำนวณจากสมการได้เลยค่ะ
(% สารอาหาร (as fed) ÷ % as dry matter) x 100 = % สารอาหาร (as dry matter)
อาหาร | โปรตีน (As fed) | ความชื้น | Dry matter หลังหักความชื้น | โปรตีน (As dry matter) |
A | 12% | 86% | 14% | 86% |
B | 10% | 82% | 18% | 55% |
C | 23% | 9% | 91% | 25% |
อาหาร | ไขมัน (As fed) | ความชื้น | Dry matter หลังหักความชื้น | ไขมัน (As dry matter) |
A | 1% | 86% | 14% | 7% |
B | 6% | 82% | 18% | 33% |
C | 12% | 9% | 91% | 13% |
จากตารางสองตารางด้านบน เฉลย อาหารที่มีโปรตีน as dry matter มากสุด คือ อาหารยี่ห้อ A และอาหารที่มีไขมัน as dry matter น้อยสุด คือ อาหารยี่ห้อ A
หมอนีทหวังว่าเทคนิคที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ จะช่วยให้เพื่อน ๆ เข้าใจฉลากได้ง่ายขึ้น รวมถึงดูโภชนาการสารอาหารให้น้องหมาได้อย่างมั่นใจ ขอให้เพื่อน ๆ และน้องหมา ทานอาหารที่อร่อย ดีต่อสุขภาพ และมีความสุขกันมากๆ นะคะ
ที่มา
- https://www.fda.gov/animal-veterinary/animal-health-literacy/pet-food-labels-general
- https://www.akc.org/expert-advice/nutrition/how-to-read-a-dog-food-label/#:~:text=Dog%20Food%20Label%20Format,the%20amount%20of%20specific%20nutrients.
- https://www.zinpro.com/how-to-read-a-pet-food-label-to-make-informed-decisions-about-your-pets-nutrition/
- https://www.talingchanpet.net/
- https://www.baanlaesuan.com/263400/advertorial/mew-me-2
เขียนโดย
คุณหมอนีท ผู้รักสัตว์แทบทุกชนิดบนโลก ชื่นชอบอาหาร และหลงใหลในธรรมชาติ